Ball Python (งูหลามที่เล็กที่สุดในโลก)

ข้อมูลพื้นฐาน
ความยาว : ตัวผู้เฉลี่ยไม่เกิน 1.2 เมตร / ตัวเมียความยาวเฉลี่ยไม่เกิน 1.5 เมตร
น้ำหนัก : ตัวผู้เฉลี่ยไม่เกิน 1-2 กิโลกรัม / ตัวเมียเฉลี่ยไม่เกิน 2-3 กิโลกรัม
อายุขัยโดยเฉลี่ย : 25 ปี
ทานอาหาร 1มื้อ ต่ออาทิตย์
นิสัย : ไม่ดุ แต่อาจจะมีดุบาง แล้วแต่ตัว/แล้วแต่สภาพแวดล้อมการเลี้ยง
อุณหภูมิที่เหมาะแก่การเลี้ยง : กลางวัน 30องศา /กลางคืน 25องศา : ถ้าเลี้ยงในห้องแอร์ ต้องมีไฟให้งูกกนะครับ
วัยเจริญพันธุ์คือ เพศเมีย 1.5-2 ปี เพศผู้ 2-3 ปีขึ้นไป

1. นิสัยของงู Python
                โดยปกติงงูบอล เป็นสัตว์รักสงบ หากินกลางคืน (ช่วงเวลา 11PM ถึง 5AM) 
เราทราบกันดีกว่า ชื่อที่มาของ Ball Python นั้นมาจากพฤติกรรมที่เวลาน้องกลัว น้องจะขดลำตัวเป็นลักษณะกลมๆ ซ่อนหัวไว้ในส่วนที่กลมๆ คล้ายลูกบอล (อาจจะมีแถมขู่บ้างเล็กน้อย) จึงเป็นที่มาของ Ball Python 
               งูบอลบางที เมื่อโตเต็มวัย มักจะมีอาการติสแตก ไม่ยอมกินอาหารFacepalm บางตัวไม่กินนานนับเดือน เป็นปีก็มีนะเออ!!!
ถ้าเรามีเวลาว่างในตอนเช้า อาจจะนำงูมาเลื้อยเล่นในพื้นที่ อาจจะเป็นลานกว้างๆหรือสนามหญ้า ที่มีแดดยามเช้า สักตอน 8-9โมง เป็นเวลาสักครึ่งชั่วโมง ถ้าฤดูหนาว ก็อาจจะสัก1ชั่วโมง แต่ไม่ต้องนานมากนะ
                งูบอลบางตัวไม่ค่อยดุ แต่บางคนเอามาเลี้ยงรวมกัน ไปๆมาๆ ก็กลายเป็นดุสะงั้น ก็มี เหมือนไปปลุกสัญชาติญาณงู แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เลี้ยงแยกดีกว่านะครับ
งูบอล (หรืออาจจะสายพันธุ์อื่นด้วย) ชอบขี้ในน้ำด้วยแหละครับ เวลาอาบน้ำ นี่ปล่อยของประจำ

2.การเลี้ยงดู และที่เกี่ยวกับกับพื้นที่ ที่ใช้เลี้ยง
                 ปกติทั่วไป จะเลี้ยงงูโดยใส่กล่องพลาสติกแบบฝาล็อค ใช้ปากแร้งเจาะรูระบายอากาศ หรือ เลี้ยงในกล่องกล่องอะคริลิค ใช้ปากแร้งเจาะรูระบายอากาศก็ได้เช่นนะ
ฝากล่องต้องล็อคได้นะครับ เพราะไม่งั้นงูจะดันฝากล่อง แล้วเลื้อยออกมา ห้ามประมาทเชียวนะเรื่องนี้ เพราะงูเขาจะเลื้อยไปทั่วครับ มีทิศทางที่เขาไปได้ เขาจะเลื้อยหนีไปทั่วเลย
               
                     ขนาดกล่องที่ใช้เลี้ยงงู ให้เราวัดขนาดความยาวของงูเราก่อนว่ายาวเท่าไหร่ ขนาดกล่องที่พอดี ควรจะ กว้าง + ยาว รวมแล้วควรได้2เท่าของความยาวตัวงูครับ ถ้ามากหรือน้อยกว่านี้ อาจจะส่งผลให้งูเครียดได้ เพราะถ้ากว้างไปงูก็จะกลัวและเครียด(และอาจจะส่งผลให้หยุดกิน หรือสุขภาพ) ถ้าแคบไป งูก็จะไม่มีพื้นที่เลื้อยมากพอทั้งนี้เวลางูโตขึ้นเราก็ต้องขยายขนาดกล่องด้วยนะครับ ให้กล่องใหญ่ขึ้นตามขนาดงูนะครับ
                     ส่วนรูระบายอากาศ ควรเจาะไว้สูงๆครับ และเจาะเยอะๆ เพราะ ถ้าเจาะรูน้อยเกินไป งูจะดันรูจนหัวบุบ และถ้ารูน้อยเกินไป ก็ระบายอากาศไม่ดี อาจจะส่งผลต่อสุขภาพงูแสนรักเราได้ครับ
แล้วอย่าเอากล่องไปไว้ในที่ที่มีแดดส่องนะครับ เพราะอาจนำปัญหามาสู่น้องงูได้ แต่ไม่ใช่ว่าไม่ให้น้องถูกแดดเลยนะ เอาน้องมาอาบแดดตอนเช้าหนึ่งวันต่ออาทิตย์ก็โอเคแล้ว
ภายในกล่องที่เราเลี้ยงเขา รวมควรมี 3อย่างนี้ !!
                      1.Hide Box เพราะงูจะรู้สึกปลอดภัยเมื่อได้อยู่ใน Hide Box ฃ่วยลดความเครียดให้กับงู โดยปกติงูจะชอบเข้าไปนอนในนั้น ถ้าหิวจะออกมาเลื้อยๆให้เราเห็นเป็นสัญญาณบอกว่า หิวแล้วววววววว บางตัวถ้าเราให้อาหาร แล้วเขายังไม่อิ่มเขาก็ไม่กลับเข้า Hide Box 
                      2.ชามใส่น้ำ เป็นสิ่งขาดไม่ได้จริงๆสำหรับสิ่งนี้ เพราะงูต้องกินน้ำ และบางครั้งที่งูลอกคราบ งูมักจะลงไปแช่น้ำเป็นครั้งคราว รวมถึงความชื้นที่จำเป็นต่อการลอกคราบของงูด้วย ชามน้ำควรจะมีขนาดใหญ่พอให้งูลงไปแช่ทั้งตัวได้ 
                      3.วัสดุปูรองพื้นกล่อง เอาไว้เวลางูอึหรือฉี่จะได้ทำความสะอาดง่ายๆนะครับ อาจจะเป็นกระดาษหนังสือพิมพ์ได้ หรือถ้าดีๆหน่อยก็ขี้เลื้อย ทำความสะอาดได้เป็นจุด แต่มีข้อเสียเรื่องฝุ่น และเวลางูกินอาหารอาจติดเข้าไปพร้อมอาหารได้ครับงูบอลเมื่อเข้าคราบ สังเกตุง่ายมาก จะมีดวงตาขุ่น เป็นแบบนั้นไปราวๆ 5-7 วัน และกลับมาตาใส ก่อนจะลอกคราบ
                      ช่วงที่งูเข้าคราบ ไม่ควรจับเล่น เพราะจะทำให้งูเครียดจนอาจทำให้การลอกคราบเลื่อนเวลาออกไป และคอยสังเกตให้ถ้วยน้ำอยู่เสมอ เพราะงูใช้ความชื้อนในการช่วยลอกคราบได้ง่ายขึ้น 
การทำความสะอาดกล่องเลี้ยง ควรจะทำความสะอาดทันที เมือเห็นอึงู หรือปัสสวะ เพราะถ้าไม่งั้น อาจจะทำให้งูป่วยจากเชื้อโรคในอึน้อง ชามน้ำควรหมั่นดูแลเปลี่ยนอาจจะทุกๆ 2-3 วัน เพราะบางทีงูชอบเข้าไปฉี่ในชามน้ำ
3.อาหารของงู
                       งูบอลเป็นงูที่มีถิ่นกำเนิดใน แอฟริกา อาหารของเขาเดิมคือ African soft-furred rat
หนูพันธุ์นี้ ช่วยให้งูที่ติสแตกไม่กินอาหารกลับมากินได้ ทำน้ำหนักให้งูได้ดี แถมเพาะพันธุ์เร็วอีกตะหาก
แต่เมื่อมีการถูกนำมาเพาะพันธุ์เลี้ยงในบ้านเรา อาหารที่นำมาเป็นอาหารให้งูบอลนั้นก็คือ หนูไมค์กับ
หนูแรทนั้นเอง
การให้อาหารนั้นไม่ยาก
                       อย่างแรกเราต้องดูว่างูเราไซต์อะไร ความใหญ่เท่าไหร่ เช่น ถ้าเป็นลูกงู เราก็ให้เป็นหนูแดง แล้วพองูเริ่มโต เราก็ค่อยๆขยับมาเป็นหนูไซต์ วิ่งเล็ก - วิ่งกลาง - วิ่งใหญ่ ตามลำดับ แล้วแต่ผู้เลี้ยง (วัดไซต์ของเหยื่อ อาจจะใหญ่กว่าหัวงู 2 เท่า)
บางทีถ้างูกินอิ่มแล้ว หนูเป็นเขาก็ไม่กินไม่ฉกนะ เป็นเพื่อนกันได้ระยะนึง
เหยื่อที่เราให้งูจะเป็นหนูเป็น หรือหนูแช่แข็งก็ได้ ถ้าใจไม่ถึงก็ให้หนูแช่แข็
How to ให้หนูแช่
                        ให้เราเอาหนูออกมา ทิ้งไว้ให้หายแข็งก่อนสัก 2-3 ชั่วโมงก่อน เพราะถ้าเราเอาออกมาจากช่องแช่แข็ง แล้วเป่าเลย หนูจะท้องแตก เป็นภาพที่สยดสยองมากๆ จากนั้นเอาไดร์เป่าผม เป่าหนูให้อุณหภูมิเหมือนหนูเป็น ไม่ต้องอุ่นจนสุกนะ 5555
หนูแช่มีอายุ 1ปี นับจากวันที่เราฟรีซไว้นะ
How to ให้หนูเป็น
                          ก็หย่อนไปเลย ถ้างูกินก็ปล่อยเขา ถ้าไม่กินก็เอาออกมาก่อน อย่าหย่อนหนูเป็นไว้กับงูทั้งคืนเด็ดขาด เพราะเดี๋ยวหนูแทะงูเป็นแผล อันนี้จะหาว่าไม่เตือน
อย่างนึงเลย ไม่ควรให้ไก่ชิน หรือเนื้อสัตว์กับงู เพราะจะทำให้งูได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ
การให้อาหาร ไม่ใช่เพื่อให้เขาอิ่ม แต่เขาต้องได้รับสารอาหารครบถ้วน
การให้หนูอื่นๆ ที่ไม่ใช่หนูไมค์/หนูแรท อย่างหนูแฮมเตอร์ต้องระวังให้ดี เพราะ
1)แฮมเตอร์ชอบอมอาหาร และอาหารหนูที่เป็นพืช งูไม่สามารถย่อยได้ อาจจะทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมา
2)หนูแฮมเตอร์ อ้วนหนังหนา สารอาหารอาจจะไม่ครบ แต่ทั้งนี้ ถ้างูของเรามีอาการหยุดกิน อาจจะให้หนูแฮมเตอร์เพื่อช่วยกระตุ้นการกินอาหารได้ในบางครั้ง
การเลือกซื้อหนู ควรเลือกหนูจากฟาร์มที่เพาะหนูเหยื่อขายโดยเฉพาะ ไม่ควรจับหนูบ้านมาให้งู เพราะหนูบ้าน"สกปรก" อาจจะนำหายนะมาสู่งูได้ครับ
ถ้าช่วงหน้าหนาวหรืออากาศเย็นอาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่งูหยุดกิน
ถึงจุดนี้ถ้าใครสงสัยว่าถ้างูหยุดกินจะทำยังไง
ผมคงตอบว่า ทำไรอะไรไม่ได้ครับรออย่างเดียว
งูพวกนี้ติสแตกจริงๆครับ
4.โรคภัยของงู
                             จริงๆงูบอลเวลาป่วย ให้เราสังเกตุดูว่า มีน้ำลายยืดไหม มีน้ำมูกไหม แลบลิ้นปกติไหม หรือทานอาหารปกติ ถ้ามีอะไรผิดปกติ ต้องรีบไปพบสัตว์แพทย์นะครับ งูไม่เหมือนสัตว์เลี้ยงเช่นหมาแมว มันไม่ส่งเสียงด้วยซ้ำ เพราะฉนั้นคนเลี้ยงก็ต้องหมั่นเอาใจใส่ อย่าให้ขาดตกบกพร่องนะครับ สังเกตุพฤติกรรมงู และบอดี้ของงูอยู่ตลอดนะครับ
                              อย่าให้งูแช่น้ำบ่อยนัก ในวันที่อากาศร้อน หรืออุณหภูมิสูงเกิน งูเราอาจจะลงไปแช่น้ำในชามน้ำบ่อยๆหรือแช่นานๆเพื่อลดอุณหภูมิ แต่นั้นอาจจะเป็นสาเหตุให้งูป่วยเป็นหวัดได้ ดังนั้นเราควรหาทางลดอุณหภูมิ เช่นเปิดพัดลมให้น้องนะครับเห็นอึต้องรีบทำความสะอาด อย่าให้เลื้อยทับ
                              ถ้าน้องลอกคราบ ให้รีบเก็บคราบออก เพราะเป็นที่หมักหมมเชื้อโรคพื้นทีเลี้ยง
 แคบหรือกว้าง เกินไป หรืองูโดนรบกวนมากเกินไป อาจจะทำให้งูเครียดไม่ทานอาหาร ส่งผลในระยะยาว ถ้านานๆเข้างูอาจจะผอมซูบไม่ดีแน่

หาซื้องูได้ที่ไหน? ราคาประมาณเท่าไหร่?
                              ถ้าใน กทม ก็จตุจักร แถวๆห้าง JJ Mall มีเยอะอยู่นะถ้าไม่สะดวกไป หาในเน็ตก็มีนะ ไว้ว่าจะเพจ THE BALLTENEDER (มีหน้าร้านอยู่ฝั่งตรงข้ามอิมพีเรียลสำโรง) ,ในกลุ่มเฟสบุค
ราคาเริ่มต้นที่ 1,500 บาท (มอร์พ Normol เพศผู้) ปกติตัวผู้จะราคาถูกกว่าตัวเมีย (เมื่อเทียบกับปีเกิดเดียวกันและมอร์พเดียวกัน)ราคาของงูจะแตกต่างออกไปตาม "มอร์พ" ยิ่งมอร์พหายาก มอร์พสีสวย หรือตัวที่มียีนส์ในตัวมากกว่า1มอร์พขึ้นไป ก็จะยิ่งราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งเมื่องูมีอายุพอเหมาะที่จะผสมพันธุ์ก็จะแพงกว่างูเด็ก
ดูคลิปเพิ่มเติมในการตัดสินใจ




ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม